นายศรัณยู คงสวัสดิ์เกียรติ นายทะเบียนพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากการแข่งขันที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงต้นทุนการผลิตต่ำอีกต่อไป หากแต่ต้องเผชิญเกณฑ์ใหม่ที่มาพร้อมยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์ ความมั่นคงทางเทคโนโลยี มาตรฐานแรงงาน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ “เกมเศรษฐกิจโลกยุคใหม่” โดยเฉพาะในกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงถึง 19% ซึ่งไม่ใช่แค่ประเด็นภาษี แต่เป็นสัญญาณเตือนให้ไทยต้องปรับตัวทั้งระบบ
.
นายศรัณยู ระบุว่าระบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมที่ประเทศไทยเคยใช้สร้างการเติบโต เช่น การพึ่งพาแรงงานราคาถูก การผลิตเพื่อส่งออกโดยไม่เน้นมูลค่าเพิ่ม และการขาดการลงทุนด้านวิจัย ล้วนกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ไทยยังติดอยู่ใน “กับดักรายได้ปานกลาง” ขณะที่ประเทศอื่นกำลังก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไทยกลับมีแรงงานที่ยังขาดทักษะยุคใหม่ ระบบการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังไม่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง
.
นายศรัณยูเสนอว่า สิ่งที่ไทยต้องเร่งดำเนินการไม่ใช่เพียงการออกนโยบายหรือมาตรการชั่วคราว แต่ต้อง “ยกระดับเชิงโครงสร้าง” อย่างจริงจัง ทั้งในแง่ของการปฏิรูปกฎหมายให้เอื้อต่อเศรษฐกิจนวัตกรรม การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา (R&D) การวางระบบโลจิสติกส์ใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล รวมถึงการเจรจาข้อตกลงการค้ารูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่เปิดตลาด แต่ต้องสร้างความได้เปรียบในห่วงโซ่มูลค่า เช่น ชิป เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีสุขภาพ และบริการเวลเนส
.
นายศรัณยูเน้นว่า ต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการมุ่งหวังกำไรระยะสั้น ไปสู่การลงทุนเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต ยกระดับแรงงานให้มีทักษะที่ตอบสนองอุตสาหกรรมใหม่ หรือการสร้างแบรนด์และมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก หากยังยึดติดกับรูปแบบธุรกิจเก่า ไทยอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และถูกผู้เล่นรายใหม่จากต่างชาติแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในอนาคต
.
นายศรัณยูย้ำว่า “การยกระดับประเทศไทย” ไม่ใช่เพียงทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ แต่เป็นเงื่อนไขของการอยู่รอดในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันซับซ้อน เขาเชื่อมั่นว่าไทยยังมีจุดแข็งสำคัญ เช่น การท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร และบริการ ที่สามารถต่อยอดได้หากมีการบริหารจัดการที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและความยั่งยืน พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมมือกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วยความจริงจังต่อเนื่อง เพื่อวางอนาคตเศรษฐกิจไทยให้อยู่ในตำแหน่งที่แข่งขันได้อย่างมั่นคงบนเวทีโลก