นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย แสดงความเป็นห่วงต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ขยายตัวเพียง 2.8% ลดลงจาก 3.2% ในไตรมาสแรก ถือเป็นการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี และยังต่ำที่สุดในบรรดา 6 ชาติชั้นนำอาเซียน ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยเวียดนามขยายตัวสูงถึง 7.96% ฟิลิปปินส์ 5.5% อินโดนีเซีย 5.12% มาเลเซีย 4.4% และสิงคโปร์ 4.4% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังตามหลังคู่แข่งในภูมิภาคอย่างน่าเป็นห่วง
.
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทยกำลังประสบปัญหา เพราะภาคบริการซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการท่องเที่ยว กลับชะลอตัวเหลือเพียง 3.5% จาก 4.1% ในไตรมาสก่อนหน้า การบริโภคของภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐก็ลดแรงส่ง ขณะที่การลงทุนแม้จะเริ่มมีสัญญาณฟื้น แต่ยังไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมที่เพียงพอต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม สิ่งเหล่านี้ชี้ชัดว่ามาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่สามารถกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศได้จริง
.
นายวรวุฒิกล่าวเพิ่มเติมว่า จุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้คือการจัดการนโยบายที่ล่าช้าและขาดเอกภาพ แม้การส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่กลับไม่ถูกเสริมด้วยมาตรการสนับสนุนเชิงรุกจากภาครัฐ อีกทั้งภาคเกษตรที่ขยายตัว 6% มาจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ผลผลิตผลไม้และข้าวเปลือก ไม่ใช่ผลลัพธ์จากการยกระดับโครงสร้างการผลิตอย่างแท้จริง หากยังคงบริหารแบบตั้งรับ เศรษฐกิจไทยก็จะไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่เดินหน้าเต็มกำลังได้
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เสนอว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ พร้อมกับการออกมาตรการฟื้นฟูภาคบริการและท่องเที่ยวให้เข้มข้นกว่าที่เป็นอยู่ เช่น การส่งเสริมการลงทุนด้านการท่องเที่ยวคุณภาพสูง การปรับปรุงกฎระเบียบด้านการท่องเที่ยวให้เอื้อต่อผู้ประกอบการ และการยกระดับมาตรฐานบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่
.
นายวรวุฒิยังชี้ว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นใจแก่ภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติ ผ่านการปรับปรุงกฎเกณฑ์และนโยบายภาษีให้แข่งขันได้ทัดเทียมกับอาเซียน ตลอดจนการออกมาตรการทางการเงินที่ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการรายย่อย สามารถเดินหน้าต่อได้ในภาวะที่กำลังซื้อยังเปราะบาง พร้อมกับการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวให้เป็นกลไกใหม่ในการสร้างการเติบโต
.
รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยย้ำว่า การปล่อยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราต่ำสุดของอาเซียนถือเป็นสัญญาณอันตราย รัฐบาลจำเป็นต้องยอมรับความจริงและเร่งเปลี่ยนวิธีคิดจากการบริหารแบบประคับประคอง ไปสู่การปฏิรูปเชิงรุก หากยังคงปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป เศรษฐกิจไทยจะไม่เพียงแค่ตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะสูญเสียโอกาสในการแข่งขันระยะยาว ซึ่งจะกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชนโดยตรง
.
