นายภัชริ นิจสิริภัช แกนนำพรรคไทยสร้างไทย แสดงความกังวลอย่างรุนแรงถึงการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะในประเด็นการให้สัมภาษณ์ของ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า “มีเพียงเสียงปืนดังจากจุดเดียว ยังไม่มีการปะทะรุนแรง” ซึ่งสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างมาก
.
นายภัชริระบุว่า ในเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ขณะที่นายภูมิธรรมกำลังให้สัมภาษณ์ มีรายงานยืนยันแล้วว่ากัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 ตกใส่หลายจุดในฝั่งไทยโดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และบริเวณใกล้ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ขณะเดียวกันยังมีประชาชนกว่า 40,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่เป็นการเร่งด่วน
.
“ในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับนี้ ผู้นำต้องสื่อสารตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่ประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงจนสร้างความสับสนและเสี่ยงต่อการจัดการล่าช้าและผิดพลาด” นาย ภัชริกล่าว
พร้อมย้ำว่า ความผิดพลาดในการสื่อสารครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนอาจขาดข้อมูลที่จำเป็น แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาลในยามที่ประเทศเผชิญภาวะตึงเครียดสูงสุด
.
นายภัชริ ยังตั้งข้อสังเกตว่า นับตั้งแต่ นายภูมิธรรม เวชชยชัย เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กลับให้ความสำคัญกับการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการภายในกระทรวงเป็นหลัก
มากกว่าการลงมือจัดการปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับ
ความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยในสถานการณ์เช่นนี้
“กระทรวงมหาดไทยในมือของนายภูมิธรรม เวชชยชัย
ถูกใช้เวลาไปกับการจัดวางตำแหน่งคนของตัวเอง
มากกว่าจะลงมือแก้ปัญหาความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง”
จึงขอเรียกร้องให้ กระทรวงมหาดไทย ได้ยกระดับบทบาทการทำงานของตัวเองให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤต
.
“วิกฤตที่ชายแดนไม่ใช่แค่การสู้รบ แต่เป็นบททดสอบความสามารถของผู้นำในการบริหารสถานการณ์จริง การสื่อสารผิดพลาดอาจหมายถึงชีวิตของประชาชนที่ต้องสังเวยกับความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล”