นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกจากประชาชนในพื้นที่
เกี่ยวกับ ขบวนการลักลอบนำน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซีย
ที่ถูกลำเลียงผ่านช่องทาง “เขตปลอดอากร” (Free Zone)
โดยอ้างว่าจะนำไป “ส่งออก” แต่กลับมีพฤติกรรมผิดปกติอย่างชัดเจน
.
ล่าสุดพบ ตู้คอนเทนเนอร์ 4 ตู้ บรรทุกน้ำมันปาล์มจากมาเลเซีย
ส่งจาก ท่าเรือแหลมฉบัง เข้าสู่เขตปลอดอากรชื่อ “ฟรีโซนปลาวาฬ”
และถูกลากขึ้นมาลงสินค้าที่ ท่าขนถ่ายสินค้า 36 อำเภอแม่สอด จ.ตาก
ทั้งที่รัฐบาลมีนโยบาย “3 ตัด” และล็อกพื้นที่ชายแดน
ไม่ให้มีการลงสินค้าผ่านแดนในจุดดังกล่าว
.
นายปริเยศ ตั้งข้อสังเกตว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์มผ่าน Free Zone ต้องได้รับอนุญาตจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
และหากอ้างว่าจะส่งออก ต้องซื้อสินค้าภายในประเทศในสัดส่วน “2 เท่า” ของที่นำเข้า
แต่ข้อมูลในพื้นที่ กลับไม่มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้อย่างครบถ้วน
.
ยิ่งไปกว่านั้น มีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อ้างว่า
เจ้าของฟรีโซนปลาวาฬมีอิทธิพลถึงระดับรัฐมนตรี
และสามารถ “ย้ายนายตรวจ” มาประจำแม่สอดเพื่อตรวจปล่อยเฉพาะสินค้าของตน
.
“นี่ไม่ใช่แค่การลักลอบธรรมดา
แต่เป็นการบิดเบือนกฎหมาย และแทรกแซงอำนาจรัฐอย่างชัดเจน”
“ผมขอตั้งคำถามตรงไปที่กระทรวงการคลัง และกรมศุลกากรว่า
สินค้าเหล่านี้ผ่านเข้ามาได้อย่างไร?”
“และขอถามกระทรวงพาณิชย์ด้วยว่า
ใครเป็นผู้ลงนามอนุมัติการนำเข้าและส่งออกนี้?”
— นายปริเยศ กล่าว
.
ข้อมูลจาก สมาคมอุตสาหกรรมน้ำมันพืชไทย ระบุว่า
น้ำมันปาล์มในไทยมีราคาขายปลีก 68–70 บาท/ลิตร
ขณะที่ต้นทุนนำเข้าจากมาเลเซียเพียง 57 บาท/กิโลกรัม
หากมีการลักลอบนำเข้าโดย ไม่เสียภาษีนำเข้า (30%)
รัฐอาจสูญเสียรายได้มากกว่า 300–500 ล้านบาท/ปี
.
ยังไม่รวมผลกระทบต่อ เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มไทย และ ผู้ผลิตในประเทศ
ซึ่งกำลังถูกบิดเบือนกลไกราคาอย่างรุนแรง
.
พรรคไทยสร้างไทยจึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
กรมศุลกากร, ป.ป.ช., และกรมการค้าต่างประเทศ
เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
.