นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นภายหลังกรณีรัฐบาลประกาศเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ การพัฒนาโครงการ Entertainment Complex ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยชี้ว่า เป็นเพียง “ลูกเล่นทางการเมือง” เพื่อใช้ในการต่อรองผลประโยชน์ มากกว่าจะมีความจริงจังในการผลักดันกฎหมายฉบับนี้
.
“ที่ผ่านมา รัฐบาลอวดอ้างว่ามีเสียงสนับสนุนในสภาเพียงพอ แต่พอถึงเวลาจริงกลับต้องเลื่อนกฎหมายสำคัญออกไป นี่แสดงให้เห็นว่าคำกล่าวอ้างของรัฐบาลอาจไม่ได้สอดคล้องกับความเป็นจริง” นายปริเยศกล่าว
.
โฆษกพรรคไทยสร้างไทยยังตั้งข้อสังเกตถึงปัญหาในระบบนิติบัญญัติว่า ขณะนี้ดูเหมือนรัฐบาลจะไม่สามารถผลักดันกฎหมายใดได้โดยไม่ต้องพึ่ง “งูเห่า” ทุกครั้ง และบางครั้งอาจต้องถึงขั้นไปขอเสียงจาก สส. ในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ได้มาฟรีๆ
.
นายปริเยศยังเตือนให้จับตากฎหมายสำคัญอีก 3 ฉบับที่จ่อเข้าสู่การพิจารณา ได้แก่ ร่างกฎหมายการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่อาจเปิดช่องให้การท่าเรือประกอบธุรกิจอื่น รวมถึงมีความเชื่อมโยงกับแนวคิดการตั้งกาสิโน ร่างกฎหมายตั๋วร่วม ที่มีแนวคิดจัดตั้งกองทุนเพื่อซื้อคืนสัมปทานระบบรถไฟฟ้า ที่ยังมีข้อถกเถียงกันในเรื่องผลประโยชน์จะได้กับประเทศจริงหรือไม่ และร่างพ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 ที่ยังต้องผ่านคณะกรรมาธิการ และรับความเห็นชอบจากทั้งสองสภา และบริบทการเมืองแบบนี้ คงไม่ราบรื่นอย่างที่คิดแน่นอน
.
นายปริเยศระบุว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐสภาชุดนี้แทบจะไม่สามารถออกกฎหมายได้ นอกจากร่างกฎหมายงบประมาณ และกฎหมายอีกเพียงไม่กี่ฉบับ แตกต่างจากสภาชุดก่อนที่สามารถผลักดันกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
.
“หากรัฐบาลยังไร้ประสิทธิภาพสนใจแต่ผลประโยชน์แอบแฝงเช่นนี้ ประเทศก็จะเดินหน้าลำบากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลควรเลือกแนวทางทางการเมืองที่ตรงไปตรงมา สุจริต และไม่แอบแฝง เพราะท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นผู้แบกรับผลกระทบ” โฆษกพรรคไทยสร้างไทยกล่าว