นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นถึงกรณีการเจรจาเรื่องการจัดการเวลาสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เพิ่งได้ข้อสรุปไป โดยมีการอภิปรายตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5:30 น.
.
นายปริเยศชี้ว่า ตนเองไม่รู้สึกแปลกใจที่ฝ่ายรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะใช้วิธีนี้เพื่อบีบฝ่ายค้าน เพราะหากเราศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยในสภาชุดก่อนๆ ที่รัฐบาลมีพรรคแกนนำเป็นพรรคเพื่อไทย ผู้นำมักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภาอยู่แล้ว
.
ตนเห็นว่านี่คือความอ่อนแอของสภาชุดปัจจุบัน เพราะนอกจากจะขับเคลื่อนกฎหมายออกมาได้น้อยมากเพียง 3-4 ฉบับจากช่วงเวลาเกือบ 2 ปี ครั้นพอถึงวาระสำคัญของรัฐสภาเช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ยังเอาวาระนี้มาเป็นเกมการเมืองสร้างผลงานเอาใจผู้นำจิตวิญญาณของพรรค
.
ตนขอตั้งคำถามไปยังพรรคแกนนำรัฐบาลชุดนี้ว่า ในอดีตรัฐบาลของท่านถูกรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง แทนที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบรัฐสภา เพื่อให้เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ปกป้องการเมืองไทย ปกป้องความชอบธรรมของรัฐบาล กลับไม่ทำ แต่เลือกที่จะทำให้สภาอ่อนแอ ตนเองก็ไม่รู้ว่าทีมผู้บริหารในพรรคเอาสมองส่วนไหนคิด หรือทำงานไม่หวังครั้งหน้าแล้ว
.
โฆษกไทยสร้างไทยกล่าวเสริมอีกว่า ตนเองได้ยินข่าวลือมาดังๆ ว่ามีผู้ที่พยายามสร้างผลงาน ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในทีมเจรจาเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พยายามออกมา Action ให้ข่าวในระยะนี้หลายต่อหลายครั้ง โชว์ว่าตนเองมีประสบการณ์ทางการเมืองและมีบารมี และพยายามสร้างผลงานด้วยการใช้วาทกรรมแรงๆ โจมตีพรรคฝ่ายค้าน
.
ตนเองอยากขอเตือนว่าไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคลัง รัฐมนตรีพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายก แม้จะด้อยผลงาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหลุดจากตำแหน่งได้ง่ายๆ ดังนั้นหากคนในรัฐบาลคนไหนที่ต้องการขึ้นมาแทนคนเก่า ก็ควรจะโชว์ผลงาน โชว์ความรู้ โชว์ศักยภาพว่าตนเองมีความสามารถ ไม่ใช่เน้นฝีปาก ทำงานแบบการเมืองเก่าที่คุ้นเคย จนทำให้รัฐบาลและสภาถอยหลังลงคลอง โฆษกไทยสร้างไทยให้ความเห็น