นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทยอย่างสิ้นเชิง ชี้ตลอดสองปีที่ผ่านมา สภาชุดนี้แทบไม่สามารถผลักดันกฎหมายได้เลย มีเพียง 2 ฉบับที่ผ่าน หากไม่นับกฎหมายงบประมาณ ถือเป็นการทำงานที่ล้มเหลวที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้ ยังปล่อยให้การเมืองติดหล่มความขัดแย้งระหว่างพรรคใหญ่ ส่งผลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกลับกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง มากกว่าการแก้ปัญหาเพื่อประชาชน
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า ปัญหานี้สะท้อนชัดเจนในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ถูกพรรคการเมืองใหญ่กุมอำนาจไว้ ไม่เปิดโอกาสให้พรรคเล็กหรือประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งที่พรรคไทยสร้างไทย ได้เสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด พร้อมร่างกฎหมายของพรรคเอง และจัดเวทีเสวนากับนักวิชาการและบุคลากรทางการเมือง เพื่อหาทางออกให้ประเทศ แต่กลับถูกมองข้าม เพราะเสียงของพรรคเล็กไม่ดังเท่าพรรคใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไทยยังคงวนเวียนอยู่กับการแย่งชิงอำนาจ มากกว่าการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน
“ถึงเวลาแล้วที่สภาฯ ต้องทำหน้าที่ให้สมกับที่ประชาชนเลือกเข้ามา หยุดแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เปิดใจรับฟังกันให้มากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้เสียงพรรคใหญ่ครอบงำ จนทำให้การเมืองไทยถอยหลัง” นายปริเยศกล่าว พร้อมย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง และมีแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่แค่การสร้างภาพทางการเมืองเพื่อดึงเวลา
ทั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทยยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำโดยไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และต้องเร่งให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อให้ประชาชนได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พรรคพร้อมเดินหน้าผลักดันการแก้ไขผ่านช่องทางต่างๆ และขอเรียกร้องให้นักการเมืองทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงใจ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ติดหล่มอยู่กับเกมการเมืองที่ทำให้ประเทศเสียโอกาสในการพัฒนา