นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ชี้ มาตรการ เงินหมื่น ของรัฐบาลล็อตที่ 2 อาจมีแนวโน้ม เลื่อน แบบไม่มีกำหนด เนื่องจากรัฐบาล ขาดสภาพคล่อง โดยใช้การประวิงเวลา ตั้งกรรมการ ชุดต่างๆ ด้วยเหตุผล ต้องการการขับเคลื่อนงาน แต่ไม่ยอม ให้มีการประชุม ไม่ว่าจะเป็น กรรมการชุดใหญ่หรือชุดเล็ก โดยอ้างอิงถึง คณะกรรมการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่มีกำหนดการจะเร่งประชุม แต่จนถึง เวลานี้ ยังไม่มีการประชุมใดๆทั้งสิ้น
.
โฆษกไทยสร้างไทยให้ความเห็นอีกว่า การที่ภาคเอกชน จัดทำ แผนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้รัฐบาล รัฐบาลต้องตระหนัก ว่านี่คือสัญญาณเตือน ว่าเอกชน ตัดสินใจ มาขับเคลื่อนนโยบาย และออกมาจี้ รัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางของเอกชนเองไม่หวังกับคณะทำงานเศรษฐกิจของรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลไม่ควรจะสื่อสารว่ามีการขอความร่วมมือจากภาคเอกชน เพราะในเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
.
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โฆษกไทยสร้างไทยเห็นว่า บุคลากรของรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ล้วนทำตัวนิ่งเฉย นโยบายที่ทำออกไป จนถึงเวลานี้ยังไม่ให้ข้อมูลว่าจะใช้ KPI อะไรมาวัดว่าสำเร็จอย่างไร รวมไปถึงมาตรการที่จะเอามาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง High Season ก็ไม่มีเพราะทุกอย่างล้วนแล้วแต่ผูกไว้กับเงินดิจิทัล หากนับจนถึงเวลานี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังทัเงสองคนทำตัวเหมือนหุ่น ส่วนรัฐมนตรีพาณิชย์ หลังจากออกมาต่อว่าผู้ว่าแบงค์ชาติผ่านสื่อ ก็เงียบหายไปเลย สถานการณ์แบบนี้หากนายกรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉย ไม่มีการปรับเปลี่ยนการทำงานหรือบุคลากร ก็ถือว่าใจดำกับประชาชนมาก เพราะประชาชนคาดหวังไว้สูง ด้านการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา มองไปที่การทำงานมีแต่การแก้ไขปัญหาส่วนตัวงานด้านการเมือง