นายทิวากร สุระชน กรรมการบริหารและรองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย แสดงความกังวลต่อความไม่พอใจของประชาชนวัยทำงานที่เป็นผู้เสียภาษีหลักของประเทศ แต่กลับถูกมองข้าม หรือได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นกลุ่มสุดท้าย พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและประสิทธิภาพของโครงการนี้
.
“คนวัยทำงานคือกระดูกสันหลังของประเทศ พวกเขาเสียภาษีบุคคลเพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศและสนับสนุนโครงการรัฐ แต่กลับถูกจัดให้อยู่ในลำดับท้ายสุดของการได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่พวกเขาคือกลุ่มที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากที่สุด” นายทิวากรกล่าว
.
นายทิวารกร ชี้ให้เห็นว่า ความไม่พอใจของคนวัยทำงานที่สื่อสารถึงรัฐบาล มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลือกปฏิบัติและการจัดลำดับกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนวัยทำงานตั้งคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงเลือกแจกเงินให้กลุ่มผู้สูงอายุและเยาวชนอายุ 16-20 ปีก่อนในขณะที่พวกเขาซึ่งเป็นผู้สร้างรายได้และต้องดูแลคนในครอบครัว อีกทั้งยังเป็นกลุ่มผู้เสียภาษีรายได้บุคคลกลุ่มหลักให้กับประเทศ กลับต้องรอเป็นกลุ่มสุดท้าย นอกจากนี้ หลายฝ่ายกังวลว่าเงินที่แจกให้กลุ่มเยาวชนอาจไม่ได้ถูกใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพวกเขายังไม่มีประสบการณ์ทำงานและยังไม่อยู่ในระบบภาษี ทำให้เกิดคำถามว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่
.
ขณะเดียวกันเห็นว่า คนวัยทำงานที่รอคอยความช่วยเหลือจากรัฐเกิดความไม่พอใจและขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ในฐานะผู้เสียภาษีหลักให้กับประเทศกังวลว่าเงินกู้ที่นำมาใช้ในโครงการนี้อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว และสุดท้ายอาจกลายเป็นกลุ่มคนทำงานที่จะกลายเป็นเดอะแบก ช่วยหาเงินมาจ่ายภาษีที่พวกเขาไม่ได้สร้างขึ้นในอนาคต
รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย มองว่าการเลือกแจกเงินให้กลุ่มเยาวชนก่อนอาจเป็นเพราะต้องการสร้างฐานเสียงทางการเมืองมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ซึ่งยิ่งทำให้คนวัยทำงานรู้สึกว่าโครงการนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ขณะเดียวกัน เงื่อนไขของดิจิทัลวอลเล็ต เช่น การจำกัดพื้นที่และประเภทการใช้จ่าย ทำให้ประชาชนมองว่าเงินนี้อาจไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างคล่องตัวและอาจไม่ช่วยบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจของพวกเขาได้จริง
.
นายทิวากร กล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับปรุงแนวทางการช่วยเหลือประชาชน โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มวัยทำงานที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และไม่ควรปล่อยให้พวกเขาต้องรู้สึกว่า “เป็นแค่เครื่องจักรผลิตภาษี” โดยไม่ได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม