นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงบประมาณมีคำสั่งให้ ชะลอการอนุมัติงบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมล่าสุดนั้น ถือเป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังใช้งบกลางอย่างไร้หลักธรรมาภิบาล จึงขอเรียกร้องให้รัฐสภาและคณะกรรมาธิการงบประมาณดำเนินการตรวจสอบการใช้จ่ายงบกลางอย่างเข้มงวด
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวเพิ่มเติมว่าโครงการใช้งบกว่า 7 พันล้านตั้งขึ้นอย่างเร่งด่วนโดยไม่มีแผนรองรับเชิงระบบ และเกิดขึ้นซ้ำรอยกับโครงการที่ใช้งบกลางก่อนหน้านี้ซึ่งมีมูลค่ากว่า 51,000 ล้านบาท สำหรับ “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ” และถูก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องไว้ไต่สวนเมื่อ 4 มิ.ย. 2568 เนื่องจากพบข้อกังขาด้านความโปร่งใส
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข แต่เป็นเรื่องของวิธีคิด รัฐบาลใช้วิธีตั้งงบแบบตีเช็คเปล่า แล้วโยนให้ สส. ไปแบ่งกันโดยไร้กรอบนโยบายหรือการตรวจสอบจากรัฐสภา” นายปริเยศกล่าว
พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าการเบรกงบล่าสุดถือเป็นสัญญาณอันตรายซึ่งรัฐเองก็ไม่มั่นใจในความชอบธรรมของโครงการที่ตั้งขึ้น ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการงบประมาณปี 2569 แยกงบแก้ไขปัญหาน้ำให้เป็นรายการเฉพาะ อยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้โดยตรง ไม่ใช่รวมอยู่ในงบกลางที่ขาดความโปร่งใส พร้อมกันนี้ยังขอให้ตรวจสอบโครงการอื่นๆ ที่ใช้กลไกงบกลางในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เช่น งบ Soft Power และงบพัฒนาดิจิทัล ซึ่งหลายส่วนตั้งงบแบบไม่มีเกณฑ์วัดผลหรือ KPI ที่ชัดเจน
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องลุกขึ้นมาร่วมกันจับตางบกลางทั้งหมด อย่ารอให้ ป.ป.ช. มาชี้มูลทีละโครงการ เพราะงบหลายหมื่นล้านบาทอาจถูกใช้ไปโดยไม่มีประสิทธิภาพ และอาจเป็นช่องทางโกงกินแบบเร่งด่วน พร้อมย้ำว่าการใช้งบประมาณต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ใช้เพื่อสร้างแรงจูงใจทางการเมือง หรือเพื่อการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับ นักการเมืองในเครือข่ายของผู้มีอำนาจ